เปิดประสบการณ์ระดับ Asia!: เจาะลึกเบื้องหลังการแข่งขันเบียร์ที่ดุเดือด กับ China International Beer Challenge 2025
นี่ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่คือ สมรภูมิเบียร์ที่รวมสุดยอดฝีมือจากทั่วเอเชียไว้ที่ปักกิ่ง! China International Beer Challenge (CBC) ในปีนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และได้ตอกย้ำความเป็นการแข่งขันเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ด้วยจำนวนเบียร์ที่เข้าร่วมกว่า 2,700 ตัวอย่าง (2,100 Commercial และ 600 Homebrew) ในฐานะ BJCP Certified Beer Judge คนแรกจากประเทศไทย ที่ได้รับโอกาสอันทรงเกียรตินี้ ผมจะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังการตัดสินที่เข้มข้น และเผยความท้าทายที่ทำให้งานนี้ "ยิ่งใหญ่" อย่างแท้จริง
ใครคือผู้ชี้ชะตาเบียร์แห่งเอเชีย?
สนามรบนี้มีผู้เชี่ยวชาญในวงการเบียร์, Brewer, Brewmaster, Certified Cicerone และ BJCP ระดับ Certified Beer Judge ขึ้นไป ร่วมการตัดสินรวม 72 ท่าน จากหลากหลายประเทศทั่วเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี เยอรมนี สวีเดน อิตาลี เบลเยียม สเปน สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย เป็นต้น แต่สิ่งที่ทำให้ CBC แตกต่างคือ ความหลากหลายของ "Chinese-Style Beer" ที่ถูกจัดเป็นกลุ่มพิเศษให้กรรมการได้สัมผัสรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์
การแบ่งกลุ่มและชนิดของเบียร์
การตัดสินจะใช้ Guideline Manual ที่ทางงานเขียนขึ้นโดยอ้างอิงจากมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก และเพิ่มสไตล์พิเศษที่ได้รับความนิยมในประเทศจีนลงไป แบ่งสไตล์ของเบียร์ออกเป็น 14 กลุ่ม จากทั้งหมด 78 สไตล์
กลุ่มเบียร์ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (The Highlights)
มีกลุ่มที่แตกต่างจากการแข่งขันอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ
กลุ่ม I. Chinese Style Beer
ที่รวมสไตล์เบียร์ที่ผสมผสานวัตถุดิบและวัฒนธรรมจีน ประกอบด้วย
56. Chinese Style Grain Beer
57. Chinese Style Spice Beer
58. Chinese Style Flower Beer
59. Chinese Style Fruit Beer
60. Chinese Style Hops Beer
61. Chinese Style Traditional-Tea Beer
62. Chinese Style Special-Processed Beer and Other Chinese Style Beer
กลุ่ม K. Flavored Beer กลุ่มของเบียร์ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่เปิดโอกาสให้ Brewer ได้โชว์กึ๋นอย่างเต็มที่ ประกอบด้วย
69. Wood-Aged Beer
70. Smoked Beer
71. Fruit-Flavored Beer
72. Spice-Flavored Beer
73. Coffee/Chocolate-Flavored Beer
74. Other Flavored Beer
Blind Test: ระบบตัดสินที่เข้มข้น
การตัดสินทั้งหมดดำเนินการแบบ Blind Test 100% ผู้ตัดสินถูกแบ่งออกเป็น 24 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ท่าน โดยมีผู้ตัดสิน 1 ท่านเป็นหัวหน้าโต๊ะ การรินและเสิร์ฟเบียร์ดำเนินการด้วย Stewards จำนวน 24 ท่าน (เท่ากับจำนวนโต๊ะของผู้ตัดสิน เพื่อลดความผิดพลาด และตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย) ผู้ตัดสินไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นบรรจุภัณฑ์และฉลากของเบียร์ที่ส่งเข้าแข่งขัน Steward จะเสิร์ฟเบียร์เป็น Flight โดย 1 Flight มีเบียร์ 3 ตัวอย่าง โดยจำนวน Flight และระยะห่างในการเสิร์ฟแต่ละ Flight จะมี Head of Steward 1 คนเป็นผู้จัดการ
เกณฑ์วัดดาว: จาก 1 สู่ 4 ดาว
การตัดสินแบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบที่ 1 ชิมและให้คะแนนเบียร์แต่ละตัว (คะแนนที่ได้รับจากรอบนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่าเบียร์จะได้รับรางวัล 1-3 ดาวหรือไม่ รอบที่ 2 เบียร์ที่ได้รับคะแนน 37 คะแนนขึ้นได้ (ได้รับรางวัล 3 ดาว) จะได้เข้ารอบนี้ และหากถูกเลือกในรอบนี้ จะได้รับรางวัล 4 ดาว
การตัดสินรอบที่ 1 มีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้
30-32 คะแนน ได้รับรางวัล 1 ดาว
33-36 คะแนน ได้รับรางวัล 2 ดาว
37 คะแนนขึ้นไป ได้รับรางวัล 3 ดาว
*หากส่งผิด Category จะได้คะแนนสูงสุด 29 คะแนน (ไม่มีสิทธิได้รับรางวัล)
ในการตัดสินรอบที่ 2 หากได้รับเลือกจากในกลุ่มเดียวกัน จะได้รับรางวัล 4 ดาว
การให้คะแนน:
ปีนี้ CBC ได้ยกระดับการให้คะแนนด้วยการเปลี่ยนมาใช้ ระบบดิจิทัล ผ่านเว็บไซต์เต็มรูปแบบ แทนการเขียน Score Sheet เพื่อความรวดเร็วและลดการใช้กระดาษ คะแนนเต็มทั้งหมด 50 คะแนน การให้คะแนนแบ่งออกเป็น 7 ส่วน ได้แก่
1. กลิ่น (Aroma) 10 คะแนน
2. สีและฟอง (Appearance) 5 คะแนน
3. รสชาติ (Flavor) 20 คะแนน
4. รสสัมผัส (Mouthfeel) 5 คะแนน
5. ภาพรวม (Overall) 10 คะแนน
6. Off-Flavor
7. ความคิดเห็นและคำแนะนำ (Comment and Feedback) กำหนดให้ต้องกรอกอย่างน้อย 50 คำ
เมื่อผู้ตัดสินกรอกรหัสของตัวอย่างเบียร์ที่ได้รับ ข้อมูลที่จำเป็นของเบียร์จะแสดงให้ผู้ตัดสินเห็น เช่น Beer Style, %ABV, OG, FG และ Special Ingredients เมื่อผู้ตัดสินแต่ละคนให้คะแนนเบียร์ 1 ตัวเสร็จแล้วและกดบันทึก ผู้ตัดสินทั้ง 3 คนในโต๊ะ จะสามารถดูคะแนนและความคิดเห็นของผู้ตัดสินท่านอื่นในโต๊ะเดียวกันได้
"จุดเดือดของการให้คะแนน: หากคะแนนของกรรมการในโต๊ะต่างกันเกิน 5 คะแนน ทุกคนต้อง Discuss เพื่อปรับคะแนนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการหา "รสชาติที่สมบูรณ์แบบ" อย่างแท้จริง"
หากตัดสินใจไม่ได้ หัวหน้าโต๊ะจะเป็นผู้ตัดสินใจ (หรืออาจขอคำปรึกษาจากผู้จัดการแข่งขันเพิ่มเติมได้) และสุดท้าย หัวหน้าโต๊ะจะตวจสอบและกดส่งคะแนน (ถึงขั้นตอนนี้ ผู้ตัดสินแต่ละคนจะไม่สามารถแก้ไขคะแนนหรือความคิดเห็นได้อีก)
ประสบการณ์ตัดสิน: ความท้าทายในเวลา 7 นาที
ความท้าทายที่แท้จริงคือ 'เวลา' ตารางตัดสินถูกล็อกไว้ที่ 5-7 นาทีต่อเบียร์ 1 ตัวอย่าง ซึ่งเร็วกว่าประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมาถึงเท่าตัว! การตัดสินเบียร์ Commercial ประมาณ 50 ตัวในวันแรก ทำให้ทุกวินาทีมีความหมาย ถึงแม้ผมจะเตรียมตัวมาพอสมควรแล้วก็ยังแอบหวั่นใจไม่น้อย เพราะปกติใช้เวลา 12-15 นาที ต่อเบียร์ 1 ตัว แต่ก็ทำใจดีสู้เสือไว้และคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด
Day 1: สมาธิที่ต้องนิ่ง:
ทุกโต๊ะมีผู้ตัดสิน 3 คน โดยโต๊ะผมมีผู้ตัดสินชาวจีน และอิตาลี ก่อนจะเริ่มตัดสิน Head of steward ได้แจ้งว่าในวันแรก จะเป็นการตัดสินเบียร์ Commercial ทั้งหมด ผู้ตัดสินจะต้องใช้รหัสของตนเอง log in เข้าเว็บไซต์ และกรอกรหัสของเบียร์ที่ได้รับ เมื่อ Steward เริ่มเสิร์ฟเบียร์ เสียงพูดคุยก่อนหน้านี้ที่ผู้ตัดสินแต่ละโต๊ะเพิ่งได้พบและพูดคุยทำความรู้จักกันก็เงียบลง ในช่วงเช้า เบียร์เกือบทั้งหมดที่ได้รับเป็นสไตล์ Lager และในช่วงบ่ายเป็นสไตล์ Bock Beer และ Wheat Beer ในช่วงเริ่มต้นการตัดสินส่วนใหญ่ผู้ตัดสินอีก 2 ท่าน มีความคิดเห็นใกล้เคียงกัน แต่เพดานคะแนนต่างกัน ผู้ตัดสินชาวจีนซึ่งเป็นหัวหน้าโต๊ะจึงอธิบายและช่วยปรับการให้คะแนนใกล้เคียงกัน ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย ช่วงละ 3 ชม. เราต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วภายใต้ความกดดัน ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่ามาก เมื่อจบเบียร์แต่ละตัว (5-7 นาที) Steward ก็เสิร์ฟตัวต่อไปทันที ไม่ทันได้ call ระบบการให้คะแนนบนเว็บไซต์ดำเนินไปอย่างราบรื่น และช่วยลดเวลาในการเขียน Score Sheet ได้อย่างมหาศาล
Day 2: ด่านที่หนักหน่วง:
ผู้ตัดสินจะได้สลับโต๊ะ จำนวนเบียร์ที่จะได้ตัดสินวันนี้ประมาณ 40-45 ตัว โดยจะมี Homebrew ด้วย วันนี้ผู้ตัดสินอีก 2 ท่านเป็นชาวจีนทั้งคู่ สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษอย่างเดียว มีภาษา google translate บ้าง แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคใดๆ ช่วงเช้าวันนี้โดนเปิดด้วยเบียร์สายโหดอย่าง Imperial Stout, Barley Wine และ Belgian Golden Strong Ale เป็นช่วงที่หนักหน่วงพอสมควร เมื่อผ่านไปครึ่งทาง Steward เริ่มเสิร์ฟ flight ถัดไป ในขณะที่เรายังไม่เสร็จ flight ที่กำลังตัดสินอยู่ และกว่าพวกเราเริ่มรู้ตัวว่าใช้เวลานานเกินไป ก็ตอนที่มี flight ที่ 3 มารออยู่บนโต๊ะ Head of Steward จึงเดินมาถามด้วยความเป็นห่วงว่าติดปัญหาอะไรไหม เราทุกคนส่ายหน้า และรีบดำเนินการตัดสินต่อทันที และพวกเราก็ผ่านช่วงเช้ากันมาได้อย่างหวุดหวิด
ช่วงบ่ายวันที่ 2 คือช่วงที่สนุกที่สุด!
เราได้ชิมเบียร์ในกลุ่ม Chinese Style Beer ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ การนำชาจีน (ชาอู่หลง ชาดำ ชาเขียว ชาดอกไม้) มาเป็นส่วนผสมในเบียร์หลากหลายสไตล์ เป็นการเปิดโลกและแสดงให้เห็นว่าวัตถุดิบจากท้องถิ่นสามารถยกระดับวงการเบียร์ให้ก้าวหน้าไปได้ไกลขนาดไหน และดอกไม้ที่ฮ็อตที่สุด คือ ดอกหอมหมื่นลี้
ต่อกันด้วย Sour Beer, Fruit Beer, Flavored Beer ส่วนผลไม้จะเป็น Extract เพราะเราได้ Flavored Beer และตามมาด้วย Homebrew ประมาณ 18 ตัว โดยส่วนใหญ่มีปัญหา Oxidation Diacetyl ในระดับต่ำ ซึ่งถือว่าดีมาก ไม่เจอ Off-flavor หนักๆ เลย และต้องยกนิ้วให้กับความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ "ชาจีน" เป็นส่วนผสมในเบียร์หลากหลายสไตล์ เป็นการชิมที่สนุกมาก และในช่วงบ่ายนี้ต้องตัดสินเบียร์หลายสไตล์ แม้เบียร์จะไม่ได้ดื่มยาก แต่ก็ต้องตั้งสติเป็นพิเศษ จบช่วงบ่ายไปแบบเหนื่อยหน่อยแต่สนุกมาก
รอบ 2: ชี้ขาดเพื่อรางวัล 4 ดาว (Conflict of Interest-Free)
กรรมการต่างชาติและกรรมการจีนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในประเทศจีน รวม 21 ท่าน ได้ถูกคัดเลือกเข้าสู่รอบที่ 2 เพื่อตัดสินรางวัล 4 ดาว การตัดสินในรอบนี้เน้นการ ชิมและ Discuss โดยไม่มีการให้คะแนน เป็นเพียงการหาข้อสรุปว่าเบียร์ตัวใดคือ ที่สุด ในสไตล์นั้นๆ เพื่อลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)
ในรอบนี้ ได้ร่วมโต๊ะกับผู้ตัดสินชาวจีนอีก 2 ท่าน และได้ตัดสินเพียง 3 สไตล์ คือ Chinese-Style Fruit Beer, Chinese Style Traditional-Tea Beer และ Chinese-Style Hops Beer โดยเลือกเบียร์ 3 ตัว จาก 8 ตัวในแต่ละสไตล์ เพื่อให้รางวัล 4 ดาว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
เบื้องหลังความราบรื่น: การจัดการระดับมืออาชีพ
ในปีนี้ มีเบียร์ส่งเข้าแข่งขันมากกว่า 2,700 เบียร์ โดยเบียร์ 1 ตัว กำหนดให้ส่ง 3 ขวด/กระป๋อง เมื่อได้รับตัวอย่างเบียร์ จะถูกเก็บไว้ในห้องเย็นทันทีและขนส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิไปยังสถานที่ตัดสิน ในวันตัดสิน สถานที่จัดการแข่งขันเป็นโรงแรม เบียร์ตัวอย่างจะถูกจัดเก็บอีกห้องหนึ่ง แยกกับห้องที่ใช้ตัดสิน และผู้ตัดสินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องเก็บตัวอย่างเบียร์อย่างเด็ดขาด
ภายในห้องเก็บเบียร์มีตู้เย็นจำนวนมาก เรียงชิดติดผนังทุกด้านใช้จัดเก็บตัวอย่างเบียร์แยกเป็นหมวดหมู่ และจัดเรียงตามรหัสของตัวเบียร์ไว้ พื้นที่กลางห้อง มีการจัดเรียงโต๊ะสำหรับ Steward ใช้ทำงานและเทเบียร์ โดยจำนวนโต๊ะเท่ากับจำนวนโต๊ะของผู้ตัดสิน Steward 1 คน ต่อ 1 โต๊ะผู้ตัดสิน พื้นที่เตรียมงานหลังบ้านของ Steward ถูกจัดเป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบมาก เพื่อป้องกันการสับสนและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ง่าย หากเกิดข้อผิดพลาด
หัวใจสำคัญที่ทำให้งานนี้เดินหน้าอย่างสมบูรณ์แบบคือ การจัดการหลังบ้าน
- การจัดเก็บ: เบียร์กว่า 2,700 ตัวอย่าง ถูกเก็บในห้องเย็น และห้องเก็บตัวอย่างที่ห้ามผู้ตัดสินเข้าถึงเด็ดขาด
- ความแม่นยำของ Steward: Steward ถูกจัดสรร 1 คนต่อ 1 โต๊ะกรรมการ และทุกคนได้รับการฝึกฝนให้เสิร์ฟเบียร์ตามตารางเวลา 7 นาที อย่างเคร่งครัด ทำให้ตารางเวลาของงาน เป็นไปตามที่กำหนดอย่างน่าทึ่ง
ปิดฉาก: บทสรุปที่สร้างแรงบันดาลใจ
ประสบการณ์นี้คือการก้าวข้ามขีดจำกัด ผมได้พบปะและทำงานร่วมกับสุดยอดผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ได้ลิ้มรสเบียร์ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ในเวลาที่จำกัด เราก็สามารถมอบการตัดสินที่ยุติธรรมและมีคุณภาพได้
หวังว่าประสบการณ์นี้จะช่วย สร้างแรงบันดาลใจ ให้ผู้ผลิต Craft Beer ชาวไทยกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และส่งผลงานเข้าสู่เวทีระดับโลก เพื่อเผยแพร่รสชาติเบียร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดเอเชียและระดับโลกต่อไป!
"
ขอชื่นชมทีมผู้จัดงาน CBC 2025 ที่แสดงความเป็นมืออาชีพ
และบริหารจัดการการแข่งขันที่มีขนาดใหญ่ระดับนี้ได้อย่างราบรื่น
สมศักดิ์ศรีการเป็นเวทีแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่างแท้จริง
"
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้จัดการแข่งขันที่ให้โอกาส และขอขอบคุณเจ้าของแบรนด์เบียร์ไทยที่สนับสนุน ค่าใช้จ่ายบางส่วนในการเดินทางครั้งนี้ผ่านการส่งเบียร์เข้าแข่งขัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกันอีกในโอกาสต่อๆไป